Powered By Blogger

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Samsung โชว์ "Samsung Tab 10.1" ครั้งแรกในไทย สุดยอดสมาร์ทแท็บเล็ตขนาด 10.1 นิ้วรุ่นล่าสุด ที่บางที่สุดในโลก


ซัมซุง อวดโฉม “ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 10.1 (Samsung Galaxy Tab 10.1)” สมาร์ทแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมความสวย บางและครบครันไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เพรียบพร้อมด้วยความบันเทิงแบบเต็มอิ่มกับหน้าจอสัดส่วน 16:9 ที่ทำให้ ซัมซุง กาแล็คซี แท็บ 10.1 โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะสามารถเข้าถึงคอนเท็นท์อย่างสมบูรณ์แบบและรับชมภาพยนตร์แบบเก็บได้ทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ประสบการณ์ความบันเทิงไร้ขีดจำกัดแบบออน เดอะ โก (Experience the Best Entertainment On the Go)” รวมถึงโดดเด่นด้วยแอนดรอยด์ 3.1 (ฮันนีคอมบ์) ระบบปฏิบัติที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ
ซัมซุง กาแล็คซี แท็บ 10.1 มากับการสื่อสารความเร็วสูง อาทิ การเชื่อมต่อไวไฟยุคใหม่แบบ 2 ช่องสัญญาณ (2.4 กิกะเฮิร์ทซ์ / 5กิกะเฮิร์ทซ์) ตลอดจนการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี HSPA+ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 21 เมกะไบต์ ต่อวินาที ทำให้สามารถเชื่อมต่อ ส่งผ่านข้อมูล และดาวน์โหลดแอพพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างเต็มที่และรวดเร็วในทุกที่       ทุกเวลา พร้อมเต็มอิ่มกับคอนเท็นท์อย่างสมบูรณ์แบบบนขนาดหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 10.1 นิ้ว
ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 10.1 มาพร้อมกับดีไซน์สวยเพรียวบางเพียงแค่ 8.6 มม.ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทแท็บเล็ตขนาดบางที่สุดในโลก บนหน้าจอแบบ WXGA ความละเอียด 1280X800 ขนาดใหญ่ถึง 10.1 นิ้ว ที่ให้ภาพคมชัด ทุกรายละเอียด แต่น้ำหนักเบาเพียง 595 กรัม ซึ่งเหมาะความบันเทิงนอกสถานที่ และด้วยแบตเตอรี่ที่ทรงพลังถึง 7,000 mAh จึงหมดกังวลเรื่องระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ ที่ใช้ได้ยาวนานถึง 10 ชม.
นอกจากนี้ ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 10.1 ยังเต็มอิ่มความบันเทิง ด้วยระบบการรับชมภาพยนตร์แบบฟูลเอชดี 1080p ลำโพงแบบสเตอริโอ ซ้ายขวา คุณภาพสูงที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ และด้วยหน่วยประมวลแบบดูอัล คอร์ 1 กิกะเฮิร์ทซ์ ทำให้การทำงานรวดเร็วไม่มีติดขัด ไม่ต้องเสียเวลาในการดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือแอพพลิเคชันต่างๆ เหมือนกับใช้คอมพิวเตอร์พีซี รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการเข้าเว็บที่รองรับโปรแกรมอโดบี้ แฟลช ทำให้สามารถรับชมภาพยนตร์ วิดีโอ และคอนเทนท์อื่นๆ บนเว็บไซต์อย่างไร้ข้อจำกัด
ซัมซุง กาแล็คซี่ แท็บ 10.1 ยังสามารถใช้บริการคอนเท็นท์ที่หลากหลายได้ง่ายๆ ผ่าน Samsung Apps ในขณะที่คุณสมบัติ Social Hub และ Readers Hub ช่วยให้ผู้ใช้จัดระเบียบการใช้งานของบริการสื่อสังคมต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ค และ me2day ตลอดจนคอลเล็คชันนิตยสาร หนังสือ และหนังสือพิมพ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายบนหน้าจอเดียว รวมถึงจะมีการเปิดให้ใช้บริการโซลูชันมือถือสำหรับงานธุรกิจอย่างครบถ้วน
ยิ่งไปกว่านั้น ซัมซุง กาแล็คซี แท็บ 10.1 ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ ฟังก์ชันถ่ายภาพมาพร้อมกล้อง 3 ล้านพิกเซล รวมถึงระบบออโต้โฟกัส แฟลช และกล้องด้านหน้า 2 ล้านพิกเซล เหมาะยิ่งขึ้นสำหรับวิดีโอคอล พร้อมการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และ USB โดยไม่จำเป็นต้องผ่านโปรแกรมกลาง ทำให้สามารถสนับสนุนการเล่นมัลติมีเดียหลากหลายสกุล ไม่ต้องเสียเวลาแปลงไฟล์ให้ยุ่งยาก และยังสามารถเชื่อม MicroSD ผ่าน MicroSD connector ได้อีกด้วย


Google Nexus 4 เพชรฆาต iPhone 5

รายงานข่าวล่าสุดที่น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับสาวก Android โดยระบุว่า ทาง Google เตรียมเข็นสมาร์ทโฟน Google Nexus 4 ซึ่งได้รับฉายา "เพชรฆาต iPhone" ข้อมูลดังกล่าวเผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ BGR (Boy Genius Report) ที่เชื่อถือได้พอสมควร

ตามรายงานบนเว็บไซต์ BGR ระบุว่า Nexus 4 จะใช้โพรเซสเซอร์ OMAP 4460 ของ Texus Instrument หรือไม่ก็ Snapdragon รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 28nm ประหยัดพลังงานสุดๆ จาก Qualcomm โดยทำงานที่ความเร็ว 1.2 - 1.5GHz และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 (Ice Cream Sandwich) หน่วยความจำในเครื่อง 1GB ซึ่งข้อมูลใหม่นี้ทำให้ข่าวลือที่ว่า Google Nexus 4 จะใช้ชิปควอดคอร์ของ NVIDIA ตกไป อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติหลายๆ อย่างของ Nexus 4 ยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีจริง หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะสนับสนุนการแสดงผลที่ 720p HD ตลอดจนการไม่มีปุ่มเมนูใต้หน้าจอ อีกทั้งเรื่องของการสนับสนุน 4G LTE และการบันทึกวิดีโอ 1080p กล้องหลัง 5.0MP และกล้องหน้า 1MP เพื่อใช้วิดีโอแชท ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้คงต้องรอความชัดเจนอีกทีหนึ่ง 
จากรายงานข่าวนี้ ส่งผลกระทบต่อ iPhone 5 โดยตรง จากที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า iPhone 5 จะใช้โพรเซสเซอร์เป็น A5 หน้าจอใหญ่ชิดขอบ และทำงานกับ iCloud ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ สเป็กของ Nexus 4 จะแรงกว่า iPhone 5 ค่อนข้างชัดเจน นอกจากนี้ Samsung ยังมีแผนที่จะอัพเกรด Nexus 4G ให้มีคุณสมบัติ 3D เซ็นเซอร์ตรวจจับการแสดงสีหน้าของผู้ใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย (ความจริง Samsung Galaxy S2 ก็มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า iPhone หลายๆ ด้านอยู่แล้ว) ซึ่งรวมถึงการซิงค์สมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ Android OS และด้วยคุณสมบัติทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการทำให้ Google มั่นใจว่า Nexus 4 จะสามารถเอาชนะ iPhone 5 ได้
เว็บไซต์ในข่าว: BGR


Samsung เล็งออกมือถือรุ่นใหม่ชน iPhone 5

รายงานข่าวล่าสุด ซัมซูง (Samsung) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลกเล็งออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ (Galaxy III?) ก่อนรอบเวลาปกติ โดยจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ออกมาเพื่อชน iPhone 5 ของแอปเปิ้ล (Apple) ที่มีกำหนดการเปิดตัวช่วงประมาณเดือนกันยายน ศกนี้
  หากเป็นไปตามรายงานข่าวที่ออกมา ก็ต้องนับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทคู่แข่ง Apple อย่าง Samsung ถึงกับเร่งเครื่องการออกตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งๆ ที่สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด (Samsung Galaxy S II) เพิ่งจะวางตลาดได้แค่ 6 เดือน งานนี้ Samsung คงจะตั้งใจอย่างมากที่จะขอต่อกรกับ iPhone 5
แหล่งข่าวในเอเซียเผยกับเว็บไซต์ Popherald ว่า ทาง Samsung มีแผนที่จะออกสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใหม่ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เพื่อชนกับ iPhone 5 โดยอาจจะไม่ใช้แบรนด์ Galaxy (?) แต่จะมาพร้อมกับสเป็กที่เหนือกว่า กล่าวคือ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของซัมซุงจะใช้โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ Exynos SoC ความเร็ว 1.4GHz (เพิ่มจาก 1.2GHz) หน่วยความจำ 1GB และทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ Android 2.3.4 Gingerbread โดยทำงานร่วมกับอินเตอร์เฟซ TouchWiz นอกจากนี้ มันยังมีฟังก์ชันวิดีโอคอลล์ที่ใช้ผ่าน Google Talk อีกด้วย ส่วนสเป็กอื่นๆ ที่เหลือน่าจะไม่ต่างจาก Galaxy S II 
เว็บไซต์ในข่าว: Samsung

โซนี่ อีริคสัน Xperia Play สมาร์ทโฟนเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ

Xperia Play สมาร์ทโฟนสำหรับคอเกม มาพร้อมแอนดรอยด์ 2.3 มีปุ่มกดคล้าย PSP

บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดกับ Sony Ericsson Xperia™ Play สมาร์ทโฟนน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล Xperia จากโซนี่ อีริคสัน ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด 2.3 ชูจุดเด่นอยู่ที่การเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่ผสาน 2 ความบันเทิงระหว่างเกมเพลย์สเตชั่นและโทรศัพท์มือถือเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว เพื่อให้สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงที่ดีที่สุด ด้วยดีไซต์ของตัวเครื่องที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเอาใจคอเกมโดยเฉพาะด้วยปุ่มกดที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่อง PSP ให้คุณสนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 4 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จากกูเกิล พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องด้านหน้าสำหรับวีดีโอคอลโดยเฉพาะ รองรับการเล่นเกมด้วยระบบ Play Station Certified ด้วยการ์ดหน่วยความจำ 8GB และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 32GB คุณสามารถฟังเพลงโดยผ่านโปรแกรม Music Player และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 ม.ม รองรับภาษาไทยและภาษาอื่นๆกว่า 50 ภาษา  รวมถึงให้คุณท่องโลก Social Network YouTube , Facebook™ และ Twitter™ และอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ได้อย่างทันท่วงทีผ่านโปรแกรม Timescape 
โดย Sony Ericsson Xperia™ Play  มีให้เลือก 2 สีด้วยกัน คือ สีดำ และ สีขาว ในราคาเพียง 17,990 บาท ที่มาพร้อมกับแท่นมัลติมีเดียรุ่น DK300 ฟรีภายในกล่อง โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ ร้านซินเน็คช๊อป , ร้านทีจีโฟน และร้านโซนี่สไตล์ทั่วประเทศ , หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sethailand 

Notebookในอนาคตชาร์จแบตโดยการพิมพ์!!!!

ก่อนหน้านี้ทางเว็บไซต์เพิ่งจะแนะนำเน็ตบุ๊คพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถทำให้เน็ตบุ๊คได้รับการชาร์จแบตฯตลอดเวลา แต่นั่นหมายถึง การที่พวกมันจะต้องได้รับแสงแดดตามธรรมชาติด้วยถึงจะชาร์จแบตฯได้ ล่าสุดมีไอเดียใหม่ที่เวิร์กกว่า นั่นคือ การชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คด้วยพลัึงงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นจากการกำหนดกดปุ่มบนคีย์บอร์ดขณะใช้งานในระหว่างวัน

รายงานข่าวเทคโนโลยีชิ้นนี้เป็นของนักวิจัยชาวออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัย RMIT ที่มีความหวังว่า ในอนาคตอุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ จะสามารถชาร์จแบตฯได้เองในขณะใช้งาน โดยทีมวิจัยเลือกที่จะใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างฟิล์ม Piezolelectric ที่สามารถแปลงพลังงานเชิงกลเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ทั้งนี้หลักการทำงานของมันจะคล้ายกับวิธีที่ทำให้ที่จุดไฟแช็คที่ใช้คริสตัล piezoelectic เพื่อสร้างประกายไฟ ด้วยวิธีการทำให้ฟิล์มที่สร้างขึ้นมีความบางพอที่จะใส่เข้าไปในโน้ตบุ๊ค และให้พลังงานเชิงกลกับพวกมันด้วยการกดปุ่มบนคีย์บอร์ด แล้วเปลี่ยนมันเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับโน้ตบุ๊ค นั่นหมายความว่า ขณะที่คุณพิมพ์งานบนโน้ตบุ๊ค พลังงานที่เกิดจากการกดแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ดจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ต่อไป ทีมวิจัยคาดว่า มันจะใชั้งานได้อย่างสมบูรณ์ในอนาตต
Dr. Madhu Bhaskaran ผู้ร่วมทำวิจัยกล่าวว่า "พลังงานของ Piezoeletrics สามารถใส่เข้าไปในรองเท้าที่ใช้สวมใส่เวลาวิ่ง เพื่อชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือการชาร์จแบตเตอรี่ให้โน้ตบุ๊คในขณะที่กำลังพิมพ์ หรือแม้แต่การแปลงแรงดันเลือดไปเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องกระตุ้นหัวใจสำหรับคนไข้ ซึ่งต้องการแบตเตอรี่ที่ไม่มีวันหมด" สำหรับความลับของความสำเร็จก็คือ การใช้เทคโนโลยีนาโน เพื่อสร้างแผ่นฟิล์ม piezelectric ที่บางมาก แต่เนื่องจากมันต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ดี ความฝันในการที่จะได้ใช้โน้ตบุ๊คที่ชาร์จแบตฯกลับเข้าไปให้ตัวเองได้ด้วยการพิมพ์ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก: RMIT

Paper Phone

รายงานข่าวนี้ยังคงเป็นเรื่องของเทคโนโลยีอีกเหมือนกัน โดยล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนส์ในเมืองออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ได้เปิดเผยต้นแบบเทคโนโลยีที่เรียกว่า "Paperphone" สมาร์ทโฟนที่ใช้ส่วนแสดงผล e-paper ทีมีความยืดหยุ่น สามารถใช้มือบิดโค้งดัดงอ เพื่อควบคุมการทำงานแทนการสัมผัสแบบสมาร์ทโฟนจอ LCD/TFT อย่างในปัจจุบัน

Paperphone ต้นแบบที่นำมาออกมาโชว์นี้ ประกอบด้วยส่วนแสดงผล E-Ink ขนาด 3.7 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ (ขนาด 2 นิ้ว) สามารถตรวจจับการดัดโค้ง 2 ทาง เพื่อใช้เป็นส่วนติดต่อผู้ใช้ให้ Paperphone สามารถตอบสนองการใช้งานได้เมื่อหน้าจอถูกดัดโค้ง ตัวเครื่องต้นแบบสร้างขึ้นด้วยชุดคิท Broadsheet AM300 ของ E-Ink โพรเซสเซอร์ Gumstix และไมโครคอนโทรลเลอร์ยอดนิยมอย่าง Arduino เซ็นเซอร์ทั้งหมดจะรู้จำการทำงานโดยเชื่อมต่อการทำงานกับโน้ตบุ๊คที่รันโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นด้วย Max 5 ของ Cycling 74
"Paperphone ต้นแบบนี้ได้รับการออกแบบด้วยเป้าหมายให้มันใช้จอแสดงผลที่มีความยืดหยุ่น และพกพาสะดวกมากที่สุด ในขณะที่มันมีน้ำหนักเบาที่สุดอีกด้วย" Dr. Roel Vertegaal หัวหน้าทีมวิจัย Human Media Lab จากมหาวิทยาลัยควีนส์ ระบุไว้ในเอกสาร อีกทั้งยังทำนายอนาคตอีกด้วยว่า Paperphone จะทำให้สมาร์ทโฟนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นแก็ดเจ็ตล้าสมัยภายใน 5 - 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ความจริงมันมีไอเดียของความพยายามพัฒนาสมาร์ทโฟนด้วย E-Ink ที่ทำให้ตัวเครื่องมีความยืดหยุ่นให้เห็นก่อนหน้านี้มาพอสมควรแล้ว โดยส่วนใหญ่จะใช้ Polymer ซึ่งหน้าจอขนาด 5 นิ้วจะม้วนเก็บได้ แต่สำหรับไอเดียของนักวิจัยกลุ่มนี้ คิดว่า การม้วนหน้าจอไม่ใช่คำตอบ โดยพยายามตอบโจทย์ด้วยอินพุทเชิงกลที่ใช้การดัดโค้งบิดงอ Paperphone เพื่อให้ตอบสนองการทำงานในลักษณะต่างๆ แทน ทั้งนี้ ต้นแบบ Paperphone จะถูกนำออกแสดงในงานประชุม Computer Human Interface ที่แวนคูเวอร์ สัปดาห์หน้า 
เว็บไซต์ในข่าว: queensu

OLED เทคโนโลยีใหม่สำหรับจอภาพ

OLED ( Organic Light Emitting Devices ) ทางบริษัท TDK ได้นำเสนอเทคโนโลยี OLED จอแสดงผลรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติคล้ายฟิล์ม คือมีความโปร่งใสจนสามารถมองเห็นทะลุได้ และจะเปล่งแสงเมื่อได้รับ พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพในขณะที่จอถูกดัดให้โค้งงอได้อีกด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีจอแสดงผลชนิดนี้ที่เหนือกว่าจอที่ทำจาก แก้วที่แตกร้าวได้ง่าย
TDK คาดว่าจะเริ่มผลิตฟิล์มแสดงผลภายในหนึ่งปี นั่นหมายความว่า เราอาจจะได้เห็นมือถือที่ใช้จอ OLED ชนิดนี้ก่อนสิ้นปี 2011 ก็ได้ โดยนอกจากจะผลิตจอแสดงผลดังกล่าว เพื่อใช้กับมือถือแล้ว TDK ยังมองว่า ฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ยังเหมาะกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สวมใส่ (wearable electronics) อย่างเช่น แว่นตาแสดงผล Augmented Reality ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ตรงหน้า และภาพกราฟิกที่ปรากฎบนฟิล์ม OLED ที่ใช้แทนกระจกแก้ว หรือด้วยความที่มันมีความยืดหยุ่นโค้งงอได้
ในบูธของ TDK ยังได้มีการนำเสนอสายรัดข้อมือที่มาพร้อมกับฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ รวมถึงใน อนาคตสามารถพัฒนาเป็นวิวไฟน์เดอร์ของกล้องถ่ายรูป หรือแม้แต่ใช้หน้าจอชนิดนถ่ายรูปสำหรับ Cameraphone ได้เลย จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ภาพที่สว่างสดใสจนสามารถมองเห็นภายใต้แสงสว่างในธรรมชาติ และพวกที่ชอบก้ม หน้าดูมือถือเวลาเดินก็จะไม่ตกท่อ เพราะจอใส :สำหรับต้นแบบที่นำมาโชว์จะมีขนาด 2 และ 3.5 นิ้ว แต่จะมีความละเอียดสูงถึง 200 พิกเซลต่อนิ้ว
ข้อมูลจาก : arip

Mozilla Seabird มือถือแห่งอนาคต

เมื่อเจ้าพ่อบราวเซอร์อย่าง Mozilla Firefox หันมาเอาดีทางด้าน Smart Phone ซึ่งทาง Mozilla Labs ได้นำเสนอคอนเซปต์สมาร์ทโฟนชื่อว่า Seabird มาดูกันครับว่าเจ้า Mozilla Seabird จะมีดีอะไรบ้าง
สำหรับคอนเซปต์ Seabird สมาร์ทโฟนที่ทาง Mozilla Labs ได้ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นมีคุณสมบัติ และความสามารถในการทำงานด้านต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ว่ากันตั้งแต่สเป็กพื้นฐานอย่างหน้าจอสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ กล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซล ตามด้วย โปรเจ็กเตอร์ขนาดจิ๋ว 2 ตัว ที่มีความสว่าง 45 ลูเมนส์ และความละเอียด 960x600 พิกเซล   Seabird นั้นใช้เทคโนโลยีในการชาร์จแบบไร้สาย ( Wireless Charger ) พอร์ต mini-USB โดยทีด้านหลังจะมีหูฟังไร้สายที่สามารถถอดออกจากตัวเครื่องได้
มาดูกันต่อเลยว่าเจ้า Mozilla Seabird ทำอะไรได้บ้าง? ประการแรกเลยก็คือ มันใช้งานแบบมือถือทั่วไปได้ ส่วน หูฟังบลูทูธจะทำงานได้ 2 อย่างคือ ใช้เป็นหูฟัง หรือใช้แทนเมาส์ไร้สาย 3 มิติ โดยสามารถใช้นิ้วสัมผัสด้านหลังแทนการคลิกเมาส์ได้อีกด้วย ส่วนโปรเจ็กเตอร์ที่มี 2 ตัว เพราะเมื่อคุณนำ Seabird วางบนแท่นโดยหันด้านข้าง Projector ด้านหนึ่งจะฉายภาพหน้าจอ และอีกด้านหนึ่งฉายลงบนพื้นเป็นคีย์บอร์ดแสงพร้อมทัชแพด สำหรับการท่องอินเตอร์เน็ต ดูหนัง และการใช้งาน บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เห็นแบบนี้อยากใช้กันแล้วใช่มั่ยครับ งั้นเอาวีดีโอไปดูเรียกน้ำย่อยกันก่อน

HTC Flyer แท็บเล็ตสายพันธุ์ใหม่

HTC เตรียมเปิดตัว Tablet ตัวใหม่ที่ชื่อว่า HTC Flyer ในงาน  Mobile World Congress 2011 ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้คาดว่าจะทำให้การแข่งขันกันในตลาด Tablet ดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีหลายค่ายก็เปิดตัวไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Samsung,RIM, LG, Motorola และไหนจะ google pad อีกซึ่งมีกระแสข่าวมาอย่างต่อเนื่อง
HTC Flyer มาพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ Android 2.3 Gingerbread และมีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียดอยู่ที่ 1024 x 600 ใช้โปรเซสเซอร์ Qualcomm Snapdragon MSM8255 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ใน HTC Desire HD  มี HDMI port และรองรับ 3G HSPA และยังมี DLNA-enabled สำหรับ wireless movie และ music streaming  มีกล้องหน้าขนาด 1.3 ล้านพิกเ้ซล สำหรับคุยผ่าน Skype กล้องหลังขนาด 5 ล้านพิกเซล LED-flash + ออโต้โฟกัส ซึ่งราคาเปิดตัวในสหรัฐจะอยู่ที่ประมาณ $750 เครื่องเทพแบบนี้สาวก Tablet คงต้องรีบไปหามาจับจองเป็นเจ้าของกันแล้ว

เกาะกระแส iphone 5

สำหรับวันนี้ผมกล่าวถึง iphone 5 ซึ่งมีข่าวว่า Apple จะเริ่มผลิต iphone 5 ในเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าน่าจะเปิดตัว ในงาน WWDC 2011 (Apple Worldwide Developers Conference) ที่จะจัดขึ้นในเดือน มิถุนายนนี้
คาดว่าผู้รับหน้าที่ผลิต iphone 5 ยังคงเป็น Foxconn อีกเช่นเดิม และ Apple ยังได้เพิ่มโรงงานผลิตชึ้นส่วน ที่ไต้หวัน และจีนอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีข่าว ว่า Apple จะเพิ่มเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นที่เรียกว่า NFC (Near Field Communication) เข้าไปอีกด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลจาก Mac ไปไว้ใน iphone 5 ทำให้เปรียบเสมือนว่า iphone 5 เป็นเครื่อง Mac ขนาดพกพาเลยทีเดียว
นักวิเคราะห์มองว่า การพัฒนา iphone 5 ที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาได้แก่
  • iOS 5 : เป็นที่คาดหวังว่า iOS 5 จะมาแน่นอนใน iphone 5 นี้
  • 4G network compatible : รองรับเครือข่าย 4G ที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งไม่มีใน iphone 4 แต่จะมาพัฒนาใน iphone 5 แน่นอน แต่ในไทยไม่รู้จะได้ใช้เมื่อไหร่
  • Better battery life : แบตเตอรี่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น 40%
  • 3D graphics : ปรับปรุงเรื่อง 3D กราฟฟิค ให้มีความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 1156×768 pixels
  • A4 Dual-core processor : โปรเซสเซอร์ A4 1.5 GHz จากเดิมใน iphone 4 ใช้ A4 1 GHz
  • Better camera : กล้องความละเอียด 8 megapixels จากเดิมใน iPhone 4 พัฒนามาที่ 5 megapixels
  • Flash support : iphone 5 อาจจะมี Flash เพิ่มขึ้นมา แม้ว่ามันจะกินทรัพยากรเครื่องมาก็ตาม แต่หลายๆคนก็ยังอยากให้มี
  • FaceTime 4G : Video chat ผ่านเครือข่าย 4G ซึ่งจะเพิ่มขึ้นมาใน iphone 5
  • Proved home screen : ปรับปรุง Home Screen ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ หลังจากไม่ว่า iphone รุ่นไหนก็หน้าตาแบบเดิมๆ
  • More memory : เพิ่มหน่วยความจำให้มากขึ้นเป็น 64GB
  • RFID : ดูเหมือนว่า Apple จะเพิ่ม RFID (radio-frequency identification) ลงไปใน iphone 5 อีกด้วย
  • HD output : iphone 5 อาจจะมาพร้อมกับการเพิ่ม output 720p หรือ 1080i HD ซึ่งแสดงผลผ่านทาง HDMI
  • Biometric security : ระบบสแกนลายนิ้วมือเหมือนที่อยู่ใน Notebook หลายๆรุ่น
  • Built-in IR : ช่องอินฟราเรดที่ไว้สำหรับทำให้ iphone 5 เป็น รีโมททีวีก็เป็นได้
สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆใน iphone 5 ถึงจะมีไม่ครบดังกี่กล่าว แต่อาจจะมีการพัฒนาใน iphone รุ่นอนาคต  ราคาเปิดตัว iphone  5 ขนาด 32GB ประมาณ $599 และ 64GB  ประมาณ $699
อันนี้คลิปแพลง ไอโฟน ไอโฟน ไอโฟน ครับเอามาให้ฟังหนุก ๆ

Kaspersky 2012 ตัวใหม่น่าใช้กว่าเดิม

สวัสดีครับ หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน วันนี้ก็ขอมาอัพเดท ข่าวไอที กันหน่อย ทาง Kaspersky Lab นั้นได้ปล่อยตัวเต็ม Kaspersky 2012 ออกมาแล้ว แน่นอนมีทั้ง Kaspersky Anti-Virus 2012 (KAV 2012) และKaspersky Internet Security 2012 (KIS 2012) มาให้ท่านได้ปวดตับกันอีกแล้ว สำหรับท่านใดที่ใช้เวอร์ชัน 2011 ก็สามารถอัพเกรดเป็น เวอร์ชัน 2012 ได้ทันที ใครไม่อยากเสียตังก็ยังมี Trial Versions (เวอร์ชัน ทดลอง) 30 วัน เหมือนเดิม
สำหรับหน้าตา Kaspersky 2012 เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ลูกเล่นยังแพรวพราวเหมือนเดิม  มาดูกันครับว่าเจ้าKaspersky 2012 มีอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง (ขออ้างอิงจาก KIS 2012 เนื่องจากมีฟังก์ชันที่เพิ่มเติมจาก KAV 2012)
Key Features : มาดูกันว่า Kaspersky Internet Security 2012 มีคุณสมบัติเด่น อะไรบ้าง
  1. Kaspersky URL Advisor
    พัฒนาการทำเครื่องหมายที่ลิงค์ด้วยสีที่จะแสดงถึงระดับความไม่ปลอดภัย เพื่อให้คุณตัดสินใจว่าจะเปิดหรือไม่เปิดลิงค์นั้น
  2. Kaspersky File Advisor
    เช็คไฟล์ให้แน่ใจว่าปลอดภัยในคลิกเดียว
  3. System Watcher
    พัฒนาการตรวจสอบและจับตาดูการทำงานของแอพพลิเคชันต่าง ๆ ที่น่าสงสัยและสามารถย้อนคืนข้อมูลหรือไฟล์ระบบที่ถูกแก้ไขโดยมัลแวร์
  4. Application Control
    พัฒนาการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว (Personal data) และไฟล์ระบบ (System files) โดยอ้างอิงการจำกัดจาก ความน่าเชื่อถือ และข้อมูลยืนยันตัวตน ของแต่ละโปรแกรมเอง
  5. Safe Run Mode
    ให้คุณสามารถรันแอพพลิเคชันและเว็บไซต์ที่น่าสงสัยในพื้นที่พิเศษ ที่ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่มีทางเข้ามาก่อนกวนหรือโจมตีเครื่องคุณได้เลย
  6. Two-way personal firewall
    ป้องกันการโจมตีของแฮ็กเกอร์
  7. Anti-Phishing and Anti-Spam technology
    พัฒนาเทคโนโลยีการป้องกันข้อมูลส่วนตัว ต่อต้านเมล์ขยะและแอดแวร์
  8. Parental Control
    พัฒนาระบบการควบคุมที่ช่วยให้เด็ก ๆ ปลอดภัยจากข้อมูลและสื่ออันตรายทุกรูปแบบเมื่อพวกเขาใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
  9. Completely redesigned interface
    พัฒนาส่วนการนำทางหรือหน้าตาเมนูการตั้งค่าของโปรแกรมใหม่ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว และเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น
New in Protection : ต่อไปก็มาดู การป้องกันใหม่ ของเจ้า Kaspersky Internet Security 2012 ว่ามีอะไรเพิ่มมาบ้าง
  1. พัฒนาระบบการถอนการติดตั้งแอพพลิเคชันที่เข้ากันไม่ได้ระหว่างการติดตั้ง Kaspersky โดยแอพพลิเคชันที่ถูกตรวจพบจะอ้างอิงจาก รายชื่อแอพพลิเคชันที่ไม่เข้ากัน แน่นอนว่ารายชื่อจะมีการปรับปรุงใหม่ทุกครั้งที่มีการอัพเดท Kaspersky และเมื่อคุณทำการติดตั้ง Kaspersky เวอร์ชันใหม่ (เช่น Critical fix) ระหว่างการติดตั้ง Kaspersky นั้น การตรวจพบแอพพลิเคชันที่ไม่เข้ากันของ Kaspersky จะอ้างอิงกับฐานข้อมูลที่อัพเดทล่าสุดบนเครื่องของคุณเอง
  2. พัฒนาระบบการยืนยันผลิตภัณฑ์ ใน Kaspersky 2012 การยืนยันผลิตภัณฑ์ การซื้อใบอนุญาต และการเปลี่ยนรุ่นผลิตภัณฑ์ จะทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
  3. พัฒนาระบบต่อต้านภัยคุกคามที่ไม่รู้จัก โดย System Watcher จะรวบรวมข้อมูลจากการทำงานส่วนอื่น (เช่น Proactive Defense, Mail Anti-Virus, Web Anti-Virus, และอื่น ๆ ) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้สามารถตรวจจับภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่ไม่รู้จัก และเมื่อตรวจพบมัลแวร์แล้ว โปรแกรมจะทำการบล็อคการทำงานทันที และบันทึกประวัติการทำงานทั้งหมดของมัลแวร์ตัวนั้น ดังนั้นคุณก็จะสามารถคืนค่าเดิมระบบที่มัลแวร์ตัวนั้นเข้าไปแก้ไขได้ทันที เมื่อคุณตรวพบมัลแวร์
  4. พัฒนาการทำงานของ URL Advisor ตัวคำนวณระดับความเสี่ยงของลิงค์บนเว็บ ซึ่งไม่ใช่แค่อ้างอิงกับฐานข้อมูลที่อยู่บนเครื่อง แต่ยังอ้างอิงจากข้อมูลของเซิร์ฟเวอร์ Kaspersky Lab โดยตรงอีกด้วย ซึ่ง Kaspersky URL Advisor จะช่วยคำนวณความเสี่ยงของเว็บก่อนที่คุณจะกดลิงค์เข้าไป และยังให้ข้อมูลคุณก่อนเข้าไปว่าเป็นเว็บที่มีความเสี่ยงเรื่องไหนและเป็นเว็บประเภทไหนอีกด้วย ทั้งนี้คุณก็สามารถเข้าไปปรับได้ว่าต้องการให้ URL Advisorแจ้งเตือนแค่เว็บประเภทไหนเท่านั้นก็ยังได้ (เช่น เว็บลามก, เว็บที่มีเนื้อหารุนแรง)
  5. พัฒนาความเข้ากันได้ของ Kaspersky URL Advisor ให้สามารถทำงานได้ครอบคลุมบนเว็บบราวเซอร์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันรองรับเว็บบราวเซอร์เหล่านี้แล้ว
    • Internet Explorer 6, 7, 8 และ 9
    • Mozilla Firefox 3.x และ 4.x
    • Google Chrome 7, 8, 9 และ 10
  6. พัฒนาระบบต่อต้านเว็บไซต์ปลอมแปลงและเลียนแบบ (Phishing) โดยข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ดังกล่าวจะถูกส่งไปตรวจสอบยังฐานข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ของ Kaspersky Labs จากนั้นจึงส่งต่อไปเทียบข้อมูลกับระบบ Cloud (Kaspersky Security Network) ถ้าเว็บดังกล่าวไม่ตรงกับข้อมูลใดเลยทั้งสองแห่ง ก็ถือว่าเป็นเว็บที่ปลอดภัย
  7. การตรวจสอบความปลอดภัยของไฟล์ หนึ่งในฟังก์ชันใหม่ในการยืนยันความปลอดภัยของไฟล์ สามารถเช็คให้แน่ใจก่อนใช้งานไฟล์ได้ อย่างเช่นเมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์มาจากอินเตอร์เน็ต แต่คุณไม่แน่ใจว่าไฟล์ดังกล่าวเป็นไฟล์อันตรายหรือไม่ ก็สามารถเช็คเทียบด้วย Kaspersky Security Network กับคนทั่วโลกได้ทันที
  8. เทคโนโลยีการตรวจหารูทคิท (รูทคิท คือโปรแกรมที่สามารถซ่อนตัวเองจากระบบตรวจจับทั่วไปได้) ส่วนนี้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  9. พัฒนาการทำงานของแอพพลิเคชันให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องน้อยลง เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปโดยส่วนใหญ่ ที่ชอบดูวิดีโอออนไลน์ (รวมถึงวิดีโอความละเอียดสูง (HDTV)), ฟังวิทยุออนไลน์, เล่นอินเตอร์เน็ต, คุยผ่าน VoIP (เช่น Skype), เล่นเกมออนไลน์ และอื่น ๆ
  10. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอพพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น และลดผลกระทบที่มีผลต่อความเร็วของเครื่องให้น้อยลง
  11. ระบบดาวน์โหลดฐานข้อมูลอัฉริยะ ระบบนี้จะช่วยให้ดาวน์โหลดฐานข้อมูลเฉพาะฟังก์ชันที่เปิดใช้งานไว้เท่านั้น ดังนั้นจึงลดจำนวนไฟล์ที่ต้องอัพเดททำให้อัพเดทเสร็จเร็วมากยิ่งขึ้น
  12. ไม่จำเป็นต้องฝึกระบบ Anti-Spam อีกต่อไป แต่หันไปใช้การป้องกันด้วยระบบฐานข้อมูลบน Cloud แทน สำหรับตัวอย่างอีเมล์ขยะทั่วไป
  13. พัฒนาระบบป้องกันอีเมล์ขยะให้ดีขึ้น โดยการตรวจสอบข้อความจะไม่ได้ตรวจสอบแค่ส่วนของ ข้อความตัวอักษร หัวข้อ และรูปเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยี Cloud (Kaspersky Security Network) จะช่วยให้สามารถกำจัดจดหมายขยะได้แบบเรียลไทม์
  14. รองรับระบบจอสัมผัส
  15. ฟังก์ชันที่ใช้ดูการดำเนินงานภายใน Task Manager (ของ Kaspersky) ช่วยให้คุณสามารถกำหนดการใช้ทรัพยากรของระบบ และสามารถตรวจสอบสถานะการทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรเครื่องที่มีอยู่
  16. Kaspersky Desktop Gadget ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก (ใช้ได้เฉพาะ Vista และ Win7) สามารถแก้ไขรายการคำสั่งได้ และยังใส่คำสั่งที่ต้องการได้เพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น คำสั้งอัพเดท, คีย์บอร์ดเสมือน, รายการของปัญหาที่พบ และอื่น ๆ
System Requirement : สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ความต้องการของระบบ มาดูกันดีกว่าว่า KIS 2012 ต่องการเสปกเครื่องขึ้นต่ำเท่าไหร่
Windows XP Home Edition (SP2 ขึ้นไป)
Windows XP Professional (SP2 ขึ้นไป)
Windows XP Professional 64-bit Edition (SP2 ขึ้นไป)
  • CPU 800 MHz ขึ้นไป
  • แรมอย่างน้อย 512 MB
Windows Vista (ทุกเวอร์ชัน)
Windows 7 (ทุกเวอร์ชัน)
  • CPU 1 GHz ขึ้นไป
  • แรมอย่างน้อย 1 GB สำหรับ Windows 32-bit
  • แรมอย่างน้อย 2 GB สำหรับ Windows 64-bit
สำหรับท่านที่ต้องการอัพเกรดจาก เวอร์ชัน 2010 และ 2011 เป็น เวอร์ชัน 2012 ท่านสามารถ Download Kaspersky 2012 มาลงทับ เวอร์ชันที่ท่านใช้อยู่ได้เลยตามลิ้งค์ด้านล่าง และผู้ที่ต้องการใช้ เวอร์ชันทดลอง ก็ดาวน์โหลดที่ลิ้งค์ด้านล่างเช่นกัน

Download

ขอบคุณข้อมูลจาก : boatkung20.exteen.com

Nokia N9 ถ่ายภาพได้เร็วกว่า iPhone 4 !!

Nokia N9 ถือได้ว่าเป็น Smartphone รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Nokia อีกหนึ่งรุ่นที่หลังจากเปิดตัวมาเพียงไม่กี่วันก็มีกระแสตอบรับที่ดีจากหลายๆประเทศ อาจเป็นเพราะด้วยความสามารถที่หลากหลายและฟังก์ชันดีๆที่โดนใจใครหลายๆคนจึงทำให้ Nokia N9 เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่หลายคนกำลังค้นหาอยู่ แน่นอนว่าหลังจากการเปิดตัวทำให้ได้เห็นภาพและข้อมูลรายละเอียดเครื่องกันไปแล้ว แต่วันนี้เรามีอีกหนึ่งความสามารถของ Nokia N9 ซึ่งถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Smartphone รุ่นอื่นๆและปรากฎว่า Nokia N9 กลายเป็นผู้ครองแชมป์ไป และความสามารถที่่ว่านั่นก็คือ Nokia N9 คือ Smartphone ที่ใช้เวลาในการถ่ายภาพได้เร็วที่สุดในขณะนี้นั่นเอง
จากการทดสอบและสรุปผลรายงานออกมาจาก Nokia official blog ปรากฎว่า เมื่อเทียบการใช้เวลาในการถ่ายภาพของ Smartphone ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันกับ Nokia N9 แล้วนั้น ปรากฎว่า Nokia N9 สามารถทำการถ่ายภาพได้เร็วที่สุด โดยใช้ระยะเวลาในการถ่ายภาพทั้งหมด 2.6 วินาที ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวนี้ได้รวมถึงเวลาตั้งแต่่ในการเปิดกล้อง การโฟกัสที่วัตถุและการกดถ่ายภาพเสร็จสิ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ Smartphone ยี่ห้ออื่นแล้วนั้น จากกราฟจะเห็นได้ว่า Nokia N9 สามารถถ่ายภาพได้เร็วกว่า iPhone 4 , Samsung Galaxy S II หรือแม้แต่กล้องดิจิตอลอย่าง Canon PowerShot S95 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม Nokia N9 อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้ถูกออกแบบมาให้เน้นการใช้งานในการถ่ายภาพหรืออยู่ในหมวดของ Camera Phone เพราะมีคุณสมบัติที่รองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่ดีไม่่ว่าจะเป็นกล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล มาพร้อมเลนส์ Carl Zeiss , Autofocus , dual LED flash และการถ่ายวีดีโอแบบ HD นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันในการตกแต่งภาพเบื้องให้สามารถปรับแต่งภาพได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นสำหรับการถ่ายภาพของ Nokia N9 ที่ทำให้โดนใจใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพอย่างแน่นอน

ที่มา – flashfly,unwiredview

เตรียมซิ่งพร้อมไปกับ Need For Speed The Run

Need For Speed: The Run เกมส์รถแข่งภาคใหม่ล่าสุดของซีรีย์ Need For Speed จาก EA หลังจากทีเพิ่งจำหน่ายภาค Shift 2 ไปไม่นานมานี้ โดย Need for Speed: The Run ได้กลับมาเป็นการแข่งขันรถแบบใต้ดิน ที่แข่งบนถนนในเมืองที่มีตำรวจคอยไล่ล่าตามจับ ซึ่งการแข่งก็หมายถึงการเดิมพันชีวิตด้วย ไปชม Trailer ตัวแรกของเกมส์นี้กันได้เลย

ตัวทดสอบการเล่น


เขียนโดย OatVR 
โชว์ลีลาหนีหัวขวิดกับวิดีโอโชว์การเล่นของเกม Need for Speed The Run ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดย EA Black Box ใช้ Frostbite 2.0 Engine ในการพัฒนา นี่คือการแข่งที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เกมมีกำหนดการวางจำหน่าย 15 พฤศจิกายนนี้ในอเมริกาเหนือ 17 พฤศจิกายนในยุโรป เป็นเกม PC, PS3, Xbox 360, Wii, 3DS



EA เปิดตัวเกม Need for Speed: The Run เกมแข่งรถภาคใหม่ล่าสุด พัฒนาโดย EA Black Box เน้นซิ่งชิงที่ 1, ท้าทายต่อกฏหมายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่งรถสวยซิ่งกระจาย และใช้เอนจิ้น Frostbite 2 เอนจิ้นตัวเดียวกับเกม Battlefield 3 ในการพัฒนาเกมด้วย

เกม Need for Speed: The Run นำเสนอการแข่งรถที่ท้าทายต่อกฎหมาย แต่งรถเพื่อซิ่งระห่ำตั้งแต่เมืองซานฟรานซิสโกถึงนิวยอร์ค เพิ่มความสมจริงด้วยระบบฟิสิกส์จากการขับเคลื่อน, ภาพเกมที่สวยดูเสมือนจริง เนื่องจากใช้เอนจิ้น Frostbite 2 จาก DICE ซึ่งเป็น เอนจิ้นตัวเดียวกับเกม Battlefield 3 ด้วย

Jason DeLong ผู้อำนวยการสร้างจาก EA Black Box กล่าวว่า เกม Need for Speed ได้ยกระดับการเล่นอีกระดับหนึ่ง จะสร้างความแปลกใจ ทั้งเนื้อหาที่ตื่นเต้น,เร่งความดุเดือดด้านความเร็ว, รถยนต์คันงามๆและซิ่งระห่ำจนไม่คิดชีวิตด้วยความเร็ว 200 ไมล์ต่อชั่วโมง

เกม Need for Speed: The Run กำหนดวางจำหน่ายวันที่ 15 พฤศจิกายน 2011 บนเครื่อง PC, Wii, Xbox 360, PlayStation 3 และ Nintendo 3DS
credit: Mthai

26/6/54 20:25 
และนี่คือรายชื่อรถยนต์ที่เปิดเผยออกมาแล้วว่าจะสามารถมาขับซิ่งกันได้ในภาคนี้ครับ

Aston Martin V12 Vantage
Audi R8 V10
Dodge Challenger
Mazda RX-7
Pagani Huayra
Porsche 911 oldtimer
BMW M3 GTS
Nissan GT-R
Porsche Cayenne